จริงหรือปลอม! อ่าน Certificate เพชรอย่างไรให้เข้าใจ ไม่โดนหลอก

สวัสดีค่ะชาว Jewel Lover ที่รักของ Miss Tamtam ค่ะ เมือไม่นานมานี้มิสแทมแทมพบว่าอีกหนึ่งปัญหาของชาว Jewelnista หรือนักสะสมเพชรมือใหม่ก็คือการอ่านใบเซอร์เพชรที่มาจากร้านขายเพชรไม่เป็นค่ะ ทำให้ใครหลายๆคนอาจจะได้เพชรไม่ตรงกับความต้องการ สำหรับวันนี้มิสแทมแทมก็จะมาบอกเทคนิคการอ่านใบเซอร์เพชรจาก GIA สถาบันระดับโลกที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และใช้กันทั่วโลกค่ะ

โดยใบเซอร์จาก GIA นั้นจะมีใบเซอร์ที่เป็น GIA Diamond Dossier (ใบเซอร์ใบเล็ก) และ GIA Diamond Grading Report (ใบเซอร์ใบใหญ่)โดย ใบเล็ก ทางGIA จะออกให้เฉพาะเพชรที่มีขนาด 0.15-1.99 cts แต่ในตลาดเพชรส่วนใหญ่นั้นจะนิยมใช้กับเพชรที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 1 cts ค่ะ ส่วนใบเซอร์ใบใหญ่นั้นสามารถออกให้กับเพชรได้ทุกขนาดค่ะ แต่ในตลาดเพชรส่วนใหญ่นั้นจะนิยมออกให้กับเพชรที่มีน้ำหนัก 1 cts ขึ้นไปค่ะ โดยจากภาพเราจะเห็นได้ว่าใบเซอร์แต่ละใบนั้นจะมีการแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนๆตามหัวข้อต่างๆค่ะ

ส่วนที่ 1 ของใบเซอร์นะคะ คือส่วนของ GIA Diamond Grading Report ซึ่งในส่วนนี้จะบอกถึงวันที่ทำการออกใบเซอร์ใบนี้, หมายเลขเลเซอร์ของเพชรเม็ดนั้นๆ, รูปร่างของเพชร และ ขนาดของเพชรค่ะ โดยจุดที่สำคัญที่สุดของส่วนนี้คือ หมายเลขเลเซอร์ค่ะ เพราะหมายเลขเลเซอร์นี้เปรียบเสมือนหมายเลขบัตรประชาชนของเราเลยค่ะ เป็นการยืนยันตัวตนของเพชรเลยก็ว่าได้ โดยหมายเลขนี้จะถูกเลเซอร์อยู่บนขอบเพชรค่ะ (Laser Inscription) ทำให้เราสามรถตรวจสอบได้เลยค่ะว่าเพชรที่เราจะซื้ออยู่นั้น เราได้เพชรที่ถูกต้องตรงกับใบเซอร์หรือไม่ค่ะ

 

ส่วนที่ 2 Grading Result สำหรับข้อมูลส่วนนี้เป็นข้อมูลที่มีผลต่อความสวยงามและราคาของเพชรเลยค่ะ โดยข้อมูลส่วนนี้จะมีการพูดถึงข้อมูลดังนี้ค่ะ

-Carat Weight หรือ น้ำหนักของเพชรเม็ดนั้นๆค่ะ

-Color Grade สีของเพชร โดยในใบเซอร์นี้ จะมีการเรียงสีเพชรเริ่มต้นจากตัวอักษร D ไล่ไปจนถึง Z ค่ะ โดย D Color หมายถึงเพชรที่ขาวสวยที่สุดค่ะ หรือที่คนไทยจะชอบเรียกว่า เพชรน้ำ 100 ค่ะ และ Z Color หมายถึงเพชรที่มีความเหลืองที่สุดก่อนที่จะกลายเป็นเพชรเกรด Fancy Color ค่ะ ซึ่งถ้าเรามีเพชรขนาดเท่ากันได้รับการประเมินในหัวข้อต่างๆเท่ากันหมด เม็ดหนึ่งได้รับเกรด D Color แสดงเพชรเม็ดนั้นจะมีมูลค่ามากที่สุดค่ะ และเม็ดที่ได้รับการประเมินเป็นเกรด Z Color แสดงว่าเพชรเม็ดนั้นจะมีมูลค่าน้อยที่สุดค่ะ 

-Clarity Grade ความสะอาดของเพชร เมื่อถูกส่องด้วยกล้องขนาด 10X  โดยเกรดที่มีการให้จะเริ่มต้นจาก FLหรือ IF ที่หมายถึงไม่มีตำหนิอะไรเลยค่ะ ไล่ลดหลั่นกันไปจนถึง I3 ซึ่งหมายถึงเพชรที่มีตำหนิเยอะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าค่ะ และสำหรับเพชรที่มิสแทมแทมให้ทุกคนซื้อนะคะ ควรจะอยู่ที่เกรด IF จนถึง Vs2 ค่ะ

ส่วนที่ 4 Proportions ในส่วนนี้จะเป็นการบอกสัดส่วนและองศาต่างๆของเพชรเป็นแผนภาพให้เราดูค่ะค่ะ ว่าลักษณะขององศาเพชรแต่ละจุดนั้นเป็นอย่างไร

ส่วนที่ 5 Clarity Characteristics ส่วนนี้จะมีเฉพาะในใบเซฮร์ใบใหญ่เท่านั้นค่ะ จะเป็นแผนภาพที่แสดงถึงตำหนิในส่วนต่างๆของเพชร โดยตำหนิภายในจะถูกกำหนดตำแหน่งบนในเซอร์ด้วยสีแดง และ ตำหนิภายนอกจะถูกกำหนดตำแหน่งบนใบเซอร์เป็นสีเขียวค่ะ

และส่วนสุดท้ายค่ะ ส่วนที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญแต่สำคัญมากๆ คือส่วนที่เป็นตราประทับ GIA โดยทางสถาบันจะทำการปั๊มเป็นตัวนูนสีทอง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ทำการลอกเลียนแบบได้ยาก หากใบเซอร์ที่คุณกำลังดูอยู่นั้นสัญลักษณ์นี้ไม่ใช่สัญลักษณ์ปั๊มนูนสีทอง หรือไม่มีสัญลักษณ์นั่นหมายถึงคุณกำลังดูใบเซอร์ปลอมอยู่ค่ะ

นอกจากการดูใบเซอร์เพชรเป็น จะช่วยให้คุณได้เพชรที่ถูกต้องตรงตามคุณภาพที่คุณต้องการแล้ว การที่เพชรมีใบเซอร์สามารถเป็นการยืนยันได้อีกด้วยว่าเพชรเม็ดนี้เป็นเพชรแท้ เพชรที่สามารถซื้อขายได้อย่างถูกกฏหมาย และยังสามารถช่วยใหคุณเปรียบเทียบราคาในการซื้อได้ง่ายมากขึ้นค่ะ

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก

https://4cs.gia.edu/en-us/blog/gia-diamond-cut-grade-six-things-to-know/

https://4cs.gia.edu/en-us/blog/diamond-anatomy-explained/

https://4cs.gia.edu/en-us/blog/gia-diamond-grading-reports-understanding-diamond-clarity-plotting-diagram/