Imperial State Crown มงกุฎที่รอดพ้นจากนาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2

เพราะทุกประเทศนั้นล้วนมีประวัติเรื่องเล่าเป็นของตนเองค่ะ ในวันนี้ Miss Tamtam ก็มีเรื่องราวในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สองของราชวงศ์อังกฤษให้ทุกคนได้อ่านกัน โดยเรื่องราวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการซ่อน “มงกุฎอิมพีเรียลสเตต” หรือ Imperial State Crown ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองค่ะ เพราะในช่วงเวลานั้นประเทศอังกฤษได้รับการรุกรานอย่างหนักจากกองทัพของประเทศเยอรมันรวมถึงปล้นสะดมในประเทศ เรียกว่าในช่วงนั้นประเทศอังกฤษไร้ซึ่งความปลอดภัยเลยค่ะ

ก่อนอื่นมิสแทมแทมจะขอพูดถึง “มงกุฎอิมพีเรียลสเตต” ก่อนค่ะ โดย“มงกุฎอิมพีเรียลสเตต” หรือ Imperial State Crown นี้เป็นหนึ่งในเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักร หรือจะให้พูดอย่างเข้าใจง่ายๆก็คือ มงกุฎนี้เป็นสัญลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ในอังกฤษค่ะ โดยบริเวณฐานของมงกุฎนี้จะถูกประดับด้วยเพชร 2,868 เม็ด, ไข่มุก 273 เม็ด, แซฟไฟร์ 17 เม็ด, มรกต 11 เม็ด, และทับทิม 5 เม็ด, บริเวณกางเขนด้านบนถูกระดับด้วยแซฟไฟร์เซนต์เอ็ดเวิร์ดที่นำมาจากแหวนของ Saint Edward the Confessor พระมหากษัตริยจากราชวงเวสเซ็กซ์แห่งอังกฤษ, Black Prince's Ruby สปิเนลเม็ดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายทับทิม น้ำหนักถึง 170 กะรัต ฝังคู่กับเพชรคัลลินัน น้ำหนัก 317.40 กะรัต ที่ด้านหน้าของมงกุฏ, และด้านหลังของมงกุฎถูกประดับด้วย Stewart Sapphire ขนาด 104 กะรัต

หลายๆคนคงสงสัยใช่มั้ยคะว่า มงกุฎขนาดใหญ่ขนาดนี้และมีองค์ประกอบของอัญมณีมากมายขนาดนี้จะนำไปซ่อนได้อย่างไรไม่ให้ถูกศัตรูนั้นพบเจอและขโมยไปเสียก่อน โดยปฏิบัติการซ่อนมงกุฎนนี้เริ่มจากการวางแผนของกษัตริย์จอร์จที่หก (พระชนกนาถแห่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2) ซึ่งแผนการซ่อนนี้ถูกบันทึกไว้ในจดหมายของ Sir Owen Morshead บรรณารักษ์ประจำราชสำนักแห่งราชวงศ์ที่เขียนถึงราชินีแมรี่ ค่ะ

ข้อความในจดหมายได้ระบุไว้ตอนหนึ่งว่ามีการแยกชิ้นส่วนต่างๆของมงกุฎออกมา โดยส่วนที่มีค่าที่สุดอย่าง Black Prince's Ruby และ St. Edward’s Sapphire ถูกแยกออกมาแล้วนำใส่ไว้ในกระป๋องใส่บิสกิตธรรมดา ก่อนที่จะฝังลงไปในบริเวณของพระราชวังวินด์เซอร์ แทนการเก็บรักษาตามธรรมเนียมบนหอคอยแห่งลอนดอน นอกจากมงกุฏนี้ยังมีเครื่องประดับที่เป็นสมบัติของราชวงศ์ชิ้นอื่นๆที่ได้รับการซ่อนไว้ในที่ต่างๆ รวมถึงมีการสร้างห้องลับที่มีประตูเหล็กแน่นหนาและสามารถเข้าออกผ่านทางประตูกลเท่านั้นค่ะ และในระหว่างการสร้างห้องลับนี้ได้มีการใช้ผ้าใบสำหรับกันน้ำค้างคลุมไว้ในเวลากลางคืน ทำให้เครื่องบินของเยอรมันไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่ถูกสร้างอยู่ด้านล่างได้ค่ะ

ใครจะไปคิดใช่มั้ยละคะว่ากระป๋องบิสกิตสุดแสนธรรมดานั้นจะใช้เก็บรักษาเครื่องประดับชิ้นสำคัญของราชวงศ์อังกฤษได้ แต่ก็ต้องยอมรับนะคะว่าเพราะความธรรมดาของกระป๋องนั่นแหละค่ะทำให้กองทัพเยอรมันมองข้ามไปว่า้านในจะมีอัญมณีสุดล้ำค่าอยู่ เอาจริงๆที่บ้านของมิสแทมแทมก็มีกระป๋องบิสกิตหลายกระป๋องเลยค่ะ แต่ของมิสแทมแทมเปิดมาไม่เจอเครื่องประดับนะคะ มีแต่เข็มกับด้ายอุปกรณ์ของคุณแม่เท่านั้นแหละค่ะ

 

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพสวยๆจาก

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%95

https://www.vogue.co.th/fashion/article/royaljewelsworldwar2

https://www.vogue.com/article/royal-family-crown-jewels-hidden-world-war-ii

https://www.harpersbazaar.com/uk/culture/culture-news/a15154187/queen-elizabeth-crown-jewels-hidden-biscuit-tin-world-war-two/

https://www.bbc.com/news/uk-42662795