Paris and the Poetry of Love from Van Cleef & Arpels

สวัสดีค่ะชาว Jewel Lover ที่รักของ Miss Tamtam หลายๆคนคงจำเรื่องราวของเครื่องประดับดีไซน์น่ารักโดยมีแรงบันดาลใจจากนวนิยายรักอมตะตลอดกาล “โรมิโอกับจูเลียต” จากแบรนด์เครื่องประดับชื่อดังระดับโลก Vancleef & Arpels ที่มิสแทมแทมได้เขียนไว้ในบทความก่อนหน้านี้ มาครั้งนี้ Vancleef & Arpels มาพร้อมกับนาฬิกาข้อมือคอลเลคชั่นใหม่ “Pont des Amoureux” และบอกได้เลยค่ะว่าเครื่องประดับคอลเลคชั่นโรมิโอกับจูเลียตดูหวานดูอินเลิฟแล้ว นาฬิกาจากคอลเลคชั่น“Pont des Amoureux” นี้อินเลิฟและหวานยิ่งกว่าค่ะ 

สำหรับนาฬิกาคอลเลคชั่น “Pont des Amoureux” หรือถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “นาฬิกาสะพานคู่รัก” ซึ่งผลงานชิ้นนี้ของแวนคลีฟมีความพิเศษตรงที่เข็มของนาฬิกาที่เป็นรูปหญิงสาวและชายหนุ่มที่จะค่อยๆเดินมาจุมพิตกันบนสะพาน ณ​ ตำแหน่ง 12 นาฬิกาค่ะ ซึ่งหมายความว่าทั้งสองคนจะได้พบและจุมพิตกันทุกเที่ยงวันและเที่ยงคืน และด้วยเหตุผลนี้เองทำให้ภายในตัวเรือนของนาฬิกามีกลไกที่ซับซ้อนมากๆเพราะทางแวนคลีฟเล็งเห็นและให้ความสำคัญกับความสวยงาม และ story telling ที่สื่อผ่านดีไซน์ของนาฬิการุ่นนี้

และความพิเศษยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ เพราะไม่เพียงแค่เข็มนาฬิกาคู่รักนี้จะเดินมาจุมพิตกันเฉพาะตำแหน่ง 12 นาฬิกาเท่านั้นค่ะ เพราะทางแวนคลีฟได้ใส่ฟังชั่นพิเศษลงไปเพิ่มเติมเป็นระบบเรโทรเกรดหรือเข็มตีกลับของกลไกอัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถกดปุ่มเลือกให้คู่รักเข็มนาฬิกานี้เดินทางมาจุมพิตกันได้ทุกเมื่อที่ต้องการ และคู่รักจะจุมพิตค้างไว้เป็นเวลา 3 นาที ก่อนที่จะเคลื่อนที่กลับไปเป็นเข็มบอกเวลาตามเดิมค่ะ และด้วยฟังก์ชั่นนี้เอง ทำให้ แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เพลส์ ร่วมด้วย ฌอง-มาร์ก วีเดอร์เรกต์ แห่ง Agenhor ผู้พัฒนากลไก ต้องดีไซน์เพิ่มชิ้นส่วนเข้าไป ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีชิ้นส่วนมากถึง 339 ชิ้น 

นอกจากในส่วนหน้าปัดนาฬิกาที่มีจุดเด่นเป็นเข็มนาฬิกาคู่รักและสะพานจากกรุงปารีสแล้ว พื้นหลังของหน้าปัดยังถูกตกแต่งด้วยวิธีการลงยาสี หรือ Grisaille โดยมีให้เลือกทั้งฉากในกลางวัน กลางคืน และฉากตามฤดูกาลซึ่งเป็นฉากหลังพิเศษที่มีเฉพาะในรุ่นที่เป็นนาฬิกาของผู้หญิงเท่านั้นค่ะ ทั้งนี้การลงยาสีแบบ grisaille เป็นวิธีเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ค่ะ ซึ่งการลงยาแบบ grisaille จะต้องค่อยๆลงสีที่ละชั้น และนำเข้าเตาอบความร้อนสูงที่ละสีค่ะ วิธีเก่าแก่นี้ช่วยเติมเต็มความงดงามให้กับนาฬิการ่วมสมัยที่มีฉากสะพานโรแมนติกในกรุงปารีสได้อย่างลงตัว

ในส่วนของสายรัดข้อมือของนาฬิการุ่นนี้ถูกทำออกมาทั้งแบบที่เป็นตัวเรือนทองประดับเพชรพลอยและแบบที่เป็นสายหนัง โดยแบบที่ประดับเพชรพลอยจะถูกประดับด้วยเพชรและไพลินสีต่างๆโดยใช้เทคนิคการฝังแบบสโนว์เซ็ตติ้ง ส่วนแบบที่เป็นสายหนังจะเป็นรุ่นของผู้ชายโดยหน้าปัดจะมีความใหญ่กว่ารุ่นของผู้หญิง

และไม่เพียงแค่ฟังก์ชันและเทคนิคต่างๆที่ใช้ในการผลิตนาฬิกาเท่านั้นที่ทางแวนคลีฟคิดมา เพราะในส่วนของดีไซน์เองแวนคลีฟก็ได้คิดถึงเรื่องราวและรายละเอียดทุกจุดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฉากในเมือง เสื้อผ้าของคู่รัก รวมถึงท่าทางการวางตำแหน่งของมือของตัวคู่รักที่เป็นเข็มนาฬิกา ทั้งท่าทางการล้วงกระเป๋า จับกระโปรง ซึ่งในส่วนนี้ทางแวนคลีฟได้กระซิบบอกมาด้วยนะคะว่า “ตอนแรกคิดว่าจะให้มือของชายหนุ่มซ่อนอยู่ข้างหลังทั้งสองมือ แต่มาคิดดูอีกทีจึงทำให้เห็นมืออีกข้างหนึ่งอยู่ด้านหน้า และด้านหลังถือเป็นดอกกุหลาบเพื่อที่ชายหนุ่มจะได้ไม่ดูเก้อเขินเกินไป”ค่ะ

 

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพสวยๆจาก

https://www.lofficiel.co.th/watches/van-cleef-arpels-paris-and-the-poetry-of-love#image-13831

https://www.vancleefarpels.com/eu/en/nanosites/poetry-of-time/love-stories.html

https://robbreport.com/style/watch-collector/these-new-van-cleef-arpels-watches-come-sealed-with-a-kiss-2875246/