Return of Alphabet Jewelry

สวัสดีค่ะชาว Jewel Lover ที่น่ารักของ Miss Tamtam ช่วงนี้มิสแทมแทมเชื่อเลยค่ะว่าชาว Jewel Lover ต้องมีเห็นเหล่าเซเลปดารา หรือสาวสายแฟชั่นหลายๆคนถือกระเป๋าสกรีนชื่อตัวเอง เคสมือถือที่มีติดชื่อ หรือใส่เครื่องประดับเป็นตัวอักษรเก๋ๆ ใช่มั้ยละคะ ซึ่งทั้งหมดที่มิสแทมแทมพูดถึงอยู่นี้มันถูกเป็นเทรนด์ค่ะ และเป็นเทรนด์ที่มีความนิยมแบบทุกยุคทุกสมัยกันเลยทีเดียว และเทรนด์นี้มีชื่อว่า “Personalisation Trend”

“Personalisation Trend” คือเทรนด์ที่เราเลือกใช้ Accesories ต่างๆรอบตัวเราโดยมีตัวอักษรเป็นส่วนประกอบของของชิ้นนั้นๆ ซึ่งมันจะพิเศษกว่าตัวอักษรธรรมดาทั่วไป เพราะตัวอักษรที่อยู่ในสิ่งของนั้นๆจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเราค่ะ และเมื่อเหล่าชาว Jewel Lover อยู่กับมิสแทมแทมแล้ว เราก็จะมาเจาะลึกเจาะประเด็นในส่วนของเครื่องประดับกันค่ะ เรื่องราวของเครื่องประดับแนว “Personalisation Trend”เนี่ยเริ่มต้นจากสมัยศตวรรษที่ 16 โดยผู้หญิงคนแรกที่เป็นคนแรกที่ใส่เครื่องประดับที่มีดีไซน์เป็นตัวอักษรชื่อว่า “แอน โบลีน” เธอเป็นพระมเหสีของกษัตริย์ของประเทศอังกฤษ “เฮนรี่ที่ 8” เครื่องประดับของแอนเป็นสร้อยโชคเกอร์มุกประดับจี้ทองที่ถูกดีไซน์เป็นตัวอักษร B ซึ่งเป็นตัวย่อของชื่อของเธอค่ะ ซึ่งในยุคนั้นเครื่องประดับชิ้นนี้เป็นเครื่องประดับที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร

และเทรนด์นี้ก็กลับมาชัดเจนอีกครั้งในช่วงยุค90 โดยในยุคนั้นจี้ตัวอักษรที่มีตัวอักษรเป็นที่นิยมมาก เราจะเห็นได้ภาพยนตร์ต่างๆหลายเรื่อง โดยจี้ที่เห็นได้ชัดมากๆในยุคนั้นคือ จี้ของตัวละครชื่อ Regina George จากภาพยนตร์วัยรุ่นชื่อดังรื่อง Meangirls และในปัจจุบันนี้เครื่องประดับที่นำมาใส่ซ้อนๆกันกำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงส่งผลให้เครื่องประดับแนวPersonalisation Trend กลับมาอีกครั้งในดีไซน์ที่ทำออกมาให้ใส่ได้ในลักษณะนี้ เมื่อกระแสความนิยมมามากขนาดนี้ เหล่าแบรนด์ดังระดับโลกหลายๆแบรนด์ก็มีคอลเลคชั่นต่างๆออกมาตอบรับเทรนด์นี้ค่ะ อาทิ Alphabet LV & Me คอลเลคชั่นจาก Louis Vitton, Letter Pendant คอลเลคชั่นจี้จาก Tiffany & co,  ABClick คอลเลคชั่นจี้ประดับเฟอร์จาก Fendi, Celine กับสร้อยคอคอเลคชั่น Alphabets,หรือจะเป็น แหวน Alphabets จาก Chole

และเหตุผลที่เครื่องประดับแนว Personalisation กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง มีเหล่าผู้วิเคราะห์เทรนด์โลกและเหล่าดีไซเนอร์ได้ให้เหตุผลไว้ว่า เครื่องประดับตัวอักษรเหล่านี้มาจากความต้องการสร้างความแตกต่างเพื่อความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนค่ะ โดยเครื่องประดับเหล่านี้จะทำให้ผู้สวมใส่ได้รู้สึกเป็นตัวตนของตัวเอง อีกทั้งดีไซน์เครื่องประดับลักษณะนี้ส่วนใหญ่สามารถใส่ได้ทุกเพศ ไม่มีการเจาะจงเพศของผู้สวมใส่ ทำให้เข้าได้กับทุกคนค่ะ เห็นแบบนี้แล้วมิสแทมแทมคงต้องไปหาใส่บ้างสักชิ้นแล้วล่ะ จะได้ไม่ตกเทรนด์ค่ะ

 

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพสวยๆจาก

https://us.hola.com/fashion/gallery/2016090920265/how-to-wear-personalized-jewelry-like-a-celebrity/1/

https://www.lofficiel.co.th/jewellery/me-my-initials#image-790